จากประเด็นของวันที่ 4 มกราคม 2564 ที่พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ ยืนยัน ยังไม่มีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศ แต่ขอความร่วมมือให้ประชาชนกักตัวอยู่บ้าน 14-15 วัน เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของเชื้อ ทำให้นักแสดงสาว ก้อย อรัชพร โภคินภากร ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้ว่า “คนอื่นเขาไม่ใช่แบบท่าน ที่อยู่บ้าน 14-15 วัน แล้วมีเงินใช้”
ต่อมา (6 ม.ค.) ทาง เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาโพสต์โต้กลับสาวก้อย ความว่า
“ใคร ๆ ก็รู้จัก ใบเฟิร์น กับ นิกกี้ ณวัตร เพราะสองคนน่ารัก แต่เป็นได้แค่คู่จิ้น เพราะคนแรด..มักจะชนะคนดี ก้อย อัชราพร คือ..ใคร ดาราหน้าแบ๊วหรือออธิสติกกันแน่ จึงได้เล่นเป็นแค่ตัวตลก ตกอับหรือไม่ จึงต้องมาโหนพลเอกประยุทธดัง เป็นการพูดให้ตัวเองดูแย่ เป็นคำพูดของคนไม่รับผิดชอบต่อสังคม ฝากนิกกี้รีบตีฐานทัพให้แตกแล้วแล้วแยกย้าย”
ทำให้เมื่อวานนี้ (7 ม.ค.) ทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก สมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม ไทย ต้องออกมาโพสต์ภาพหนังสือตักเตือนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ใช้คำพูดล่วงละเมิดสภาพบุคคล ที่ถูกส่งถึง ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า
“ด้วยสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม(ไทย) ซึ่งเป็นองค์กรด้านบุคคลออทิสติก ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดๆ ได้รับทราบข้อมูลจากสื่อมวลชน
สาธารณะ กรณีนักการเมืองทนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีสถานะเป็น “สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ทรงเกียรติ” กล่าวเปรียบเทียบ ในข้อความว่า#ใคร…หน้าแบ๊ว หรื ออทิสติกกันแน่” ซึ่งเป็นกาพูดเปรียบเปรย “สภาพบุคคล”โดยขาดความยังคิด และไม่คารพศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ กระทบความรู้สึกคนพิการ บุคคลออทิสติก และครอบครัวอย่างมาก แม้ว่ เรื่องดังกล่วจะเป็นเรื่องส่วนบุคคลหรือระหว่างบุคคล แต่การเผยแพร่ข้อความต่อสาธารณชน เป็นการปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมกับ “สถานะอันทรงเกียรติ” ขัดต่อ จริยธรรมอันดีงาม ของความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ประชาชนให้ความยอมรับ นับถือให้เป็นผู้แทนเพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศชาติให้เกิดความเจริญ
สมาคม จึงขอให้ ฯพณฯ ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎรและ ประธานคณะกรรมการจริยธรรม สภาผู้แทนราษฎรช่วยกล่วตักเตือนหรือให้ข้อสังเกตในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แก่ผู้ที่ปฏิบัติดังกล่าวอย่างเป็นทางการด้วย แม้ว่าท่านอาจจะ ตั้งใจ หรืมิได้ตั้งใจสื่อสารออกมาก็ตาม. ทั้งนี้ สมาคมพยายามทำงานร่วมมือกับรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สร้างความตระหนักรู้ในศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ “UNDERSTANDINGON HUMAN DIGNITY” ซึ่งรณรงค์ให้ผู้คนในสังคม มองความพิการเป็นความหลากหลายที่มีสิทธิเท่าเทียม ตามแนวทางในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ”
ส่อง ประวัติ พิพลอย พัชราพร เน็ตไอดอลชื่อดัง แม่ลูกสอง
พัชราพร อินทร์เทศ ชื่อเล่น พิพลอย เกิดเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2539 สูง 157 เซนติเมตร จบการศึกษาในระดับปริญญาตรี สาขาการโฆษณา คณะนิเทศศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยรังสิต มีลูกทั้งหมด 2 คน ได้แก่ลูกสาวคนโต น้องจ๊ะจ๋า และลูกชายคนเล็ก น้องเจดา ที่เพิ่งคลอดไปเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมา
พิพลอยเริ่มมีชื่อเสียงมาตั้งแต่สมัยที่อยู่มัธยม ด้วยความที่หน้าตาของเธอเป็นคนที่น่ารัก ผนวกกับการที่เจ้าตัวเริ่มมียอดผู้ติดตามจากถ่ายคลิปวิดีโอลงบนโซเชียลแคม ทำให้มีงานพรีเซ็นเตอร์โฆษณาติดต่อเข้ามา ซึ่งเธอยังมีผลงานอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งการเป็นพริตตี้ ถ่ายแบบ และรีวิวสินค้า โดยต่อมาเธอได้เปลี่ยนมาทำคลิปสอนเทคนิควิธีการแต่งหน้าลงบนยูทูป ทำให้ยอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนปัจจุบันเธอได้มียอดผู้ติดตามทางเฟซบุ๊กส่วนตัวกว่า 4 แสนคน และอีก 3 แสนคนในอินสตาแกรม
ล่าสุด (7 ม.ค.) ได้มีรายงานมาว่าเน็ตไอดอลชื่อดัง พิพลอย พัชราพร อินทร์เทศ ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 24 ปี จากการประสบอุบัติเหตุรถเสียหลักชนเสาไฟฟ้าบริเวณถนนหมายเลข 11 จังหวัดพิษณุโลก โดยมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ นาย สันติภาพ อายุ 25 ปี, นส. พัชราพร อินทร์เทศ อายุ 24 ปี (พิพลอย), ดญ. พิมพาลา อายุ 4 ปี (น้องจ๊ะจ๋า) และ ดช. ธานินทร์ อายุ 3 เดือน (น้องเจดา) โดยผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดถูกส่งไปยังโรงพยายาลวัดโบสถ์ ซึ่งทางสาวพิพลอยมีอาการสาหัส หมดสติ ปลุกไม่ตื่น เจ้าหน้าที่จึงเร่งทำการ CPR ต่อมาจึงได้รับรายงานว่าสาวพิพลอยได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยสาเหตุทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ตามหลักกฎหมายต้องโดนกี่ปี ?
“จริงๆ แล้ว โทษของผมจะต้องตัดสิน 2 ตลอดชีวิต ในตอนแรก คือตลอดชีวิต 2 ครั้ง แต่ว่าในการให้การเป็นประโยชน์ต่อศาลรับสารภาพก็ลดให้เหลือ 50 ปี ตอนนั้นอายุ 23-24 ปี”
ก้าวแรกในเรือนจำเป็นอย่างไร ?
“มันค่อนข้างแตกต่างจากหนังโดยสิ้งเชิง ตอนแรกที่ผมเข้าไป ผมไปอยู่ที่บำบัดพิเศษกลาง สำหรับคดียาเสพติด เข้าไปตอนเย็น พอเข้าไปมันเงียบมาก มันไม่มีคนเลย 2 ข้างซ้ายขวาเป็นตึก ผมไม่รู้ว่าเวลาที่ผมไปเป็นเวลาที่เก็บผู้ต้องขังแล้ว อยู่ชั้นบนก็จะมีตะแกรงมองลอดได้ ด้วยความที่เงียบผู้คุมพาเข้าไป เสียงตรวนที่ข้อเท้าก็ดัง คนก็มองลงมาซึ่งเขาคงจะทราบข่าวกันแล้ว ก็ร้องเฮรับทั้ง 2 ข้างทาง ผมตกใจมาก ว่ามันคืออะไร แล้วมันมืดไงตอนนั้น ผมไม่เข้าใจ แล้วก็ค่อยเรียนรู้ไปว่าเป็นตึกนอน มีช่องเล็กๆ ที่เขาจะมองเห็นด้านล่าง”
เกมส์ออนไลน์แนะนำ >>> pokdengkings.com